เรื่อง ผีที่เวียงจันทน์
ผีที่เวียงจันทน์ วันนี้มีเรื่องราวของการเดินทางไป ต่างประเทศ แน่กลับต้องไปเจอกับเหตุการณ์ที่ไม่อยากเจอมาเล่าให้ทุกคนได้รู้กันค่ะ
เราเองชอบเดินทางมากๆ ส่วนใหญ่ก็จะไปต่างจังหวัดในประเทศไทยและหากเป็นต่างประเทศเราก็จะไปใกล้ๆ พวกประเทศเพื่อนบ้าน พม่า ลาว เวียตนามประมาณนี้
เราชอบไปดูธรรมชาติมากกว่าการไปเดินชมพระราชวัง การเดินทางของเรามักจะใช้บริการการรถไฟแห่งประเทศไทย
ไม่ว่าจะไปไกลหรือใกล้เรานั่งมาแล้วค่ะ ครั้งนี้เราก็นั่งรถไฟไปประเทศลาวค่ะ ไม่ใช่ข้ามประเทศไปด้วยรถไฟนะคะ
แต่นั่งรถไฟจากกรุงเทพฯ ไปลงที่จังหวัดหนองคายหลังจากนั้นเราก็ต่อรถบัสข้ามไปค่ะ เรียกว่าเป็นการเดินทางที่ใช้เวลานานพอสมควร
เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน แต่ด้วยความที่ประเทศลาวยังคงเป็นธรรมชาติเราก็เลยคิดซะว่านั่งรถชิวชิว ชมเมืองไปเรื่อยเรื่อยก่อน
พอเข้าไปที่เมืองเวียงจันทน์เราก็เอากระเป๋าไปเก็บที่พักและทางที่พักก็ดีมากมากค่ะ มีจักรยานให้ยืมถ้าหากต้องการไปเที่ยวรอบรอบ
เจ้าของที่พักเป็นคนไทยค่ะที่ไปเปิดที่พักอยู่ที่นั่น เราเลยปั่นจักรยานไปรอบรอบแต่ไม่ได้ไปไกลนัก ตรงจุดที่เราพักส่วนมากจะเป็นโฮมสเตย์ค่ะ
ไม่ได้มีโรงแรมเป็นตึก เราปั่นจักรยานไปเรื่อยเรื่อยไปเจอกับต้นไม้ใหญ่ที่ใหญ่มากมาก 3-4 คนโอบได้
เราแวะถ่ายรูปต้นไม้นั้นด้วยกล้องโทรศัพท์มือถือค่ะ แต่กดถ่ายยังไงก็ไม่ติดเราเลยใช้กล้องใหญ่ที่พกไปด้วยกดถ่าย
มีเสียงชัตเตอร์ดังและเรากดถ่ายภาพรัวรัวมาประมาณสี่ถึงห้าชอต แล้วขี่จักรยานต่อไปเรื่อยๆ ตรงบริเวณนั้นค่อนข้างมีต้นไม้เยอะมาก
ยิ่งขี่ออกมาเราก็ว่ายิ่งดูเหมือนเจอแต่ต้นไม้ไม่มีบ้านคนหรือร้านค้า เราเลยตัดสินใจขี่จักรยานกลับมาทางเดิม แต่แปลกมากมากค่ะ
เพราะเราไม่ได้เลี้ยวตรงไหนเลยแต่ทางที่เรากลับมาที่พัก กลายเป็นว่าเราไม่เจอต้นไม้ต้นใหญ่ที่เราแวะถ่ายรูปเลย
เราคิดว่าเราหลงทางแต่ก็อีกละค่ะ เราขี่มาทางเดิมไม่ได้ออกนอกเส้นทาง ขับมาเรื่อยเรื่อยกลายเป็นว่าเราถึงที่พักกลับมาอยู่ในหมู่บ้าน
โดยที่เราไม่ได้ผ่านต้นไม้ต้นใหญ่นั้น บอกตามตรงตอนนั้นงงและค่อนข้างแปลกใจค่ะ
ว่าทำไมถึงมาโผล่ที่หมู่บ้านได้โดยที่ไม่ได้ผ่านทางต้นไม้ เราเก็บคำถามนี้ไว้ในใจ และก็เอาจักรยานไปคืนให้พี่ที่ดูแลที่พัก
หลังจากนั้นเราก็ออกมาหาอะไรกินใกล้ใกล้ค่ะ นั่งรับลมอยู่หน้าที่พักจนเริ่มค่ำ ฟ้ามืดสนิทเลยละค่ะ
แล้วคนแถวนั้นก็ปิดบ้านกันค่อนข้างเงียบเราเลยเข้าไปในห้องพัก ช่วงนั้นเวลาประมาณแค่ทุ่มกว่ากว่าเองนะคะ
แต่เงียบมาก เราก็เลยเข้าห้องไปนอนเล่นโทรศัพท์มือถือเปิดดูรูปถ่ายไปเรื่อยเรื่อย ตอนแรกรูปต้นไม้ที่เราแน่ใจว่าถ่ายไม่ติดแต่ภาพที่เราเปิดเจอคือเป็นต้นไม้ต้นนั้นแหละค่ะ
แต่ว่ามีผู้หญิงนุ่งผ้าถุงยืนอยู่ข้างต้นไม้ เราพยายามกดซูมเข้าไปเพื่อดูให้ชัดแต่เป็นผู้หญิงยืนหันหลังค่ะ นุ่งผ้าถุงสีแดงสวมเสื้อสีขาว
ผมยาว เราเลื่อนดูไปอีกภาพไม่มีผู้หญิงคนนั้นในรูป ใจเราเริ่มหวั่นแล้วค่ะว่าผู้หญิงคนนั้นมาได้ยังไง เพราะบริเวณรอบรอบของต้นไม้เป็นที่โล่ง
ถ้ามีใครเดินไปหรือมีอะไรเคลื่อนไหวน่าจะเห็นบ้าง จะว่าผู้หญิงคนนั้นเดินไปทางหลังต้นไม้ก็ไม่ใช่ค่ะ
เพราะมุมที่เห็นจากรูปที่ถ่ายคือผู้หญิงคนนั้นอยู่ข้างข้างทางขวามือของต้นไม้ เราเลยรีบไปหยิบกล้องใหญ่มาเปิดดูเพราะเราจำได้ว่า
ตอนนั้นเหมือนถ่ายภาพต้นไม้ไม่ติดเลยใช้กล้องใหญ่ถ่ายเอาไว้ด้วย พอเราเปิดกล้องใหญ่เราใจหายเลยค่ะตกใจสุดสุด
เพราะภาพเป็นภาพต่อเนื่องที่เห้นผู้หญิงคนนั้นเคลื่อนตรงมาที่กล้องเรา มาแบบไว้มากคือภาพในโทรศัพท์มือถือเป็นภาพผู้หญิงคนนั้นอยู่ข้างต้นไม้
แล้วภาพในกล้องเราเป็นภาพที่ผู้หญิงคนนั้นเคลื่อนมาอยู่หน้าต้นไม้ ภาพถัดไปในกล้องคือเคลื่อนมาอยู่ใกล้กล้องมากขึ้น
และภาพถัดไปก็เคลื่อนเข้ามาอีกค่ะ แต่เราไม่เห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นนะคะเพราะในรูปถ่ายคือเขาหันหลังให้เรา
และรูปสุดท้ายที่เห็นคือเป็นด้านหัวข้างหลังจะมองเห็นผมและดอกไม้ที่เหน็บไว้ที่หูขึ้นมาเต็มหน้าจอของเฟรมกล้องเลยค่ะ
เราตกใจมากเพราะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีผู้หญิงคนนั้นอยู่ตรงนั้น เรารู้แล้วว่าเธอคนนั้นน่าจะไม่ใช่คนเพราะเราไม่เห็นใครเลยตอนนั้น
เรารีบเก็บกล้องและล้มตัวลงนอน ในช่วงที่นอนก็คิดตลอดว่าเกิดอะไรขึ้น คำตอบเราคือน่าจะเจอดีแล้วละค่ะ
เราเผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้แต่ฝันถึงผู้หญิงคนนั้นค่ะ ฝันว่ามีผู้หญิงคนนึงหน้าตาสวยเลยแต่งตัวเหมือนผู้หญิงที่เราเห็นในรูป
ตอนแรกก็วิ่งในลานทุ่งข้างต้นไม้แบบเหมือนว่ามีความสุขมากมาก
แล้วอยู่ดีดีก็เป็นภาพที่ผู้หญิงคนนั้นเอาเชือกไปผูกแขวนคอตัวเองที่ต้นไม้ต้นนั้น ภาพสุดท้ายที่เห็นในฝันคือผู้หญิงคนนั้นผูกคอตายคาต้นไม้เลยค่ะ
เราตกใจสะดุ้งตื่นขึ้นมาได้ก็นั่งตั้งสติอยู่สักพัก ตอนนั้นน่าจะประมาณเช้ามืดเราลงไปข้างล่างเจอพี่เจ้าของที่พักกำลังเตรียมของใส่บาตร
เราเลยบอกพี่เขาว่าขอใส่ด้วยคน แกก็เลยไปเตรียมอาหารมาให้เราใส่บาตรเพิ่ม
แกถามว่าทำไมเราตื่นเช้าเราได้แต่ยิ้มๆยังไม่อยากเล่าอะไรให้แกฟัง พอใส่บาตรเสร็จเราก็อาบน้ำออกไปเที่ยวตามที่ต่างๆ
แต่เราเช่ารถไปนะคะ พอเย็นก็กลับมาที่พักเตรียมเก็บกระเป๋าเพื่อจะกลับในวันรุ่งขึ้น
เราเข้านอนไม่ดึกนักเพราะต้องตื่นแต่เช้าเพื่อกลับเมืองไทย พอเรานอนหลับไปเราก็ฝันเห็นผู้หญิงคนนั้นอีกค่ะ
แต่ครั้งนี้เธอมานั่งข้างข้างต้นไม้ใหญ่นั้นแล้วก็ยิ้มให้เรา เหมือนว่าจะพูดกับเราแต่เธอคนนั้นไม่ได้เปิดปากนะคะ เราได้ยินว่า
ขอบคุณ และเราเห็นภาพเธอนั่งยิ้มแบบสวยสวยเลยค่ะ ในฝันเรารู้สึกมีความสุขที่ได้เห็นว่าเธอคนนั้นมีความสุข
เรารู้สึกว่าเรายิ้มแล้วตื่นมาอีกทีตอนเช้าเลยค่ะ ตื่นมาก็รู้สึกมีความสุขอิ่มเอม ก่อนจะออกมาจากที่พักเราแอบถามพี่เจเของว่ารูปจักต้นไม้นี้มั้ย
เราเปิดภาพให้แกดู แกตกใจมากถามเราว่าไปเจอมาจากไหน เราเล่าให้ฟังแกว่าต้นไม้ต้นนั้นถูกตัดทิ้งไปแล้วนะหลายปีมากแล้ว
แต่เรื่องที่เราฝันนั้นเป็นเรื่องที่ชาวบ้านในหมู่บ้านเคยเล่าให้แกฟัง และตรงกับเรื่องที่เราเจอคือมีผู้หญิงสวยคนนึงไปผูกคอตายที่ต้นไม้นั้น
เพราะเสียใจที่คนรักนอกใจ แต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมานานหลายสิบปี และผู้คนก็มักจะเห็นผู้หญิงคนนั้นปรากฏตัวตรงต้นไม้เป็นประจำ
หลังจากนั้นจึงมีการตัดต้นไม้ทิ้งไป พอเราได้รู้เรื่องนี่เราก็ได้แต่ขอให้เธอคนนั้นไปอยู่ในที่ที่สงบและเราก็เดินทางกลับโดยที่ไม่ได้พบ
หรือเห็นผู้หญิงคนนั้นอีกเลย ส่วนรูปภาพเราก็ลบทิ้งไปทั้งในโทรศัพท์มือถือและในกล้องเพื่อเป็นการให้เกียรติคนตายด้วย
เขียนโดย ณิชชกา