ฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย
ฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย คือมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ของโลก มีผู้ติดตามชมเป็นจำนวนมหาศาล ฟุตบอลโลกคือการแข่งของทีมฟุตบอลรุ่นใหญ่ของทุกชาติเพื่อหาทีมที่เก่งที่สุดในโลก สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติหรือฟีฟ่าคือผู้รับผิดชอบการจัดฟุตบอลโลก ปัจจุบันฟีฟ่ามีสมาชิกจำนวน 211 ประเทศ ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายจัดการแข่งทุก 4 ปี
ประเทศที่ประสงค์จะเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายจะทำข้อเสนอมาให้ฟีฟ่าพิจารณา ฟีฟ่าจะพิจารณาความพร้อมทั้งทางการเงิน ระบบสาธารณูปโภค สนามแข่งขัน อันดับของทีมชาตินั้น ความนิยมฟุตบอลในประเทศ แล้วจึงประกาศผลการคัดเลือก
ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายจัดขึ้นครั้งแรกที่ประเทศอุรุกวัยเมื่อปี 1930 และมีการจัดแข่งครั้งต่อมาในปี 1934 และ 1938 แต่ในช่วงของสงครามโลกครั้งที่สองคือปี 1942 และปี 1946 ไม่มีการจัดการแข่งขัน
การแข่งฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายครั้งล่าสุดจัดในปี 2018 ทีมชาติฝรั่งเศสได้เป็นแชมป์โลก ประมาณ 3 ปีก่อนแข่งรอบสุดท้ายจะมีการแข่งในรอบคัดเลือกในทุกภูมิภาคของโลกเพื่อคัดเลือกให้เหลือ 32 ทีมสุดท้ายรวมกับทีมเจ้าภาพ
ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายจัดมาแล้วทั้งหมด 21 ครั้ง ทีมชาติบราซิลเป็นแชมป์โลก 5 ครั้ง ทีมชาติเยอรมันและอิตาลีเป็นแชมป์โลกชาติละ 4 ครั้ง ทีมชาติอาร์เจนติน่า ทีมชาติฝรั่งเศสและทีมชาติอุรุกวัยเป็นแชมป์โลกชาติละ 2 ครั้ง ทีมชาติอังกฤษและทีมชาติสเปนเป็นแชมป์โลกชาติละ 1 ครั้ง ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายทุกครั้งที่ผ่านมา มี 17 ประเทศได้เป็นเจ้าภาพการแข่งขัน
ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายครั้งต่อไปในปี 2022 จะจัดขึ้นที่ประเทศกาตาร์และปี 2026 จะเป็นการจัดร่วมกันที่ประเทศสหรัฐอเมริกา แคนาดาและเม็กซิโก
เมื่อมีการจัดตั้งฟีฟ่าขึ้นเมื่อปี 1904 ฟีฟ่าได้พยายามจัดทัวร์นาเมนต์การแข่งฟุตบอลระดับโลกแยกออกจากกีฬาโอลิมปิค จูลล์ ริเมท์ ประธานฟีฟ่าขณะนั้นสามารถผลักดันให้มีการจัดฟุตบอลโลกครั้งแรกได้สำเร็จโดยประเทศอุรุกวัยรับเป็นเจ้าภาพ แต่ไม่มีประเทศในยุโรปสัญญาว่าจะส่งทีมเข้าร่วม ในที่สุด จูลล์ ริเมท์ก็สามารถชักชวนทีมเบลเยี่ยม
ผรั่งเศส โรมาเนียและยูโกสลาเวียให้เข้าร่วมแข่งได้ จำนวนประเทศที่เข้าร่วมครั้งแรกมี 13 ชาติ ฟุตบอลโลกนัดชิงชนะเลิศครั้งแรกแข่งที่เมืองมอนเตวิเดโอ ทีมชาติอุรุกวัยชนะทีมชาติอาร์เจนติน่า 4-2 ได้เป็นแชมป์โลกครั้งแรก
ฟุตบอลโลกครั้งที่ 2 ปี 1934 จัดที่ประเทศอิตาลี ในรอบชิงชนะเลิศ ทีมชาติอิตาลีชนะทีมชาติเชคโกสโลวาเกีย 2-1 ได้เป็นแชมป์โลก และครั้งที่ 3 ปี 1938 จัดที่ประเทศฝรั่งเศส ในรอบชิงชนะเลิศ ทีมชาติอิตาลีชนะทีมชาติฮังการี 4-2 ได้เป็นแชมป์โลก ฟุตบอลโลกปี 1942 ที่ประเทศเยอรมนีเป็นเจ้าภาพและปี 1946 ที่ประเทศบราซิลเป็นเจ้าภาพได้ถูกยกเลิกไป
เพราะอยู่ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายปี 1950 ได้ถูกจัดขึ้นอีกครั้งที่ประเทศบราซิล เป็นครั้งแรกที่ทีมจาก สหราชอาณาจักรได้เข้าร่วม ครั้งนี้ทีมชาติอุรุกวัยได้เป็นแชมป์โลกอีกครั้งโดยชนะทีมชาติบราซิลเจ้าภาพ
ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายระหว่างปี 1934 – 1978 มีทีมเข้าแข่ง 16 ทีม ยกเว้นปี 1938 ที่เหลือ 15 ทีมเนื่องจากทีมชาติออสเตรียถูกรวมเข้ากับทีมชาติเยอรมัน ขณะที่ปี 1950 อินเดีย
สก็อตแลนด์และตุรกีถอนตัวจึงเหลือ 13 ทีม ปี 1982 ที่ประเทศสเปนเพิ่มทีมเป็น 24 ทีม ตั้งแต่ปี 1998 เป็นต้นไปฟีฟ่าเพิ่มทีมเข้ารอบสุดท้ายเป็น 32 ทีม จิอานนี่ อินฟานติโน่ ประธานฟีฟ่าคนปัจจุบันยืนยันแล้วว่าฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายปี 2026 จะมีทีมเข้าร่วมทั้งหมด 48 ทีม
สำหรับถ้วยแชมป์ฟุตบอลโลกตั้งแต่ปี 1930 ถึง 1970 ทีมที่ชนะเลิศจะได้รับถ้วย
จูลล์ ริเมท์ เมื่อทีมชาติบราซิลได้เป็นแชมป์โลกสมัยที่ 3 ในปี 1970 จึงได้รับถ้วยจูลล์ ริเมท์ไปครองเป็นการถาวร แต่ภายหลังถ้วยจูลล์ ริเมท์ถูกขโมยไปในปี 1983 พวกขโมยได้นำไปหลอมละลายและนำไปขาย ตั้งแต่ฟุตบอลโลกปี 1974 เป็นต้นไป ถ้วยชนะเลิศฟุตบอลโลกเปลี่ยนเป็นถ้วยฟีฟ่าซึ่งออกแบบโดยนักออกแบบชาวอิตาเลียน ซิลวิโอ กาซซานิก้า
ถ้วยฟุตบอลโลกใบใหม่นี้จะมอบให้แชมป์ฟุตบอลโลกในแต่ละครั้งและต้องส่งคืนให้ฟีฟ่าใน 4 ปีต่อมา สำหรับมอบให้กับแชมป์ครั้งต่อไป ไม่มีชาติใดได้ถ้วยไปครองถาวรอีกต่อไป
สามปีก่อนการแข่งฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายจะมีการแข่งในรอบคัดเลือก ฟีฟ่าจะแบ่งการแข่งรอบคัดเลือกออกเป็น 6 โซน คือ อาฟริกา เอเชีย อเมริกาเหนืออเมริกากลางและแคริบเบียน อเมริกาใต้ โอเชียเนีย และยุโรป เพื่อคัดเอาทีมที่ดีที่สุด 31 ทีมร่วมกับทีมเจ้าภาพเป็น 32 ทีม เข้าไปแข่งขันในรอบสุดท้าย
ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายใช้เวลาแข่งมากกว่า 1 เดือน โดยแบ่งออกเป็นสองช่วง ช่วงแรกเรียกว่ารอบแบ่งกลุ่มและอีกช่วงเรียกว่ารอบน็อคเอาท์
ในรอบแบ่งกลุ่มจะแบ่งทีมทั้งหมดออกเป็น 8 กลุ่มๆละ 4 ทีม แข่งแบบพบกันหมด ในการแข่งขันแต่ละนัดทีมชนะจะได้ 3 คะแนน หากเสมอกันจะได้ทีมละ 1 คะแนน ทีมแพ้จะได้ 0 คะแนน โดยทีมที่ได้อันดับ 1 และ 2 ของแต่ละกลุ่มจะได้เข้าไปแข่งในรอบน็อคเอาท์ต่อไป
ในรอบน็อคเอาท์เมื่อแข่งครบ 90 นาทีแล้วยังเสมอกันจะมีการต่อเวลาออกไป 30 นาทีหากยังเสมอกันก็จะตัดสินด้วยการยิงลูกโทษ การแข่งรอบน็อคเอาท์รอบ 16 ทีมจะแข่งกันทั้งหมด 8 คู่ โดยทีมที่ได้อันดับที่ 1 ในรอบแบ่งกลุ่มจะแข่งกับทีมที่ได้อันดับ 2 ของอีกกลุ่ม เพื่อหาผู้ชนะเข้าไปแข่งในรอบน็อคเอาท์รอบ 8 ทีมหรือรอบก่อนรองชนะเลิศต่อไป
ทีมที่ชนะในรอบก่อนรองชนะเลิศ จะได้เข้าไปแข่งในรอบ 4 ทีมสุดท้ายหรือรอบรองชนะเลิศ ผู้ชนะในรอบรองชนะเลิศจะได้เข้าไปแข่งในรอบชิงชนะเลิศ ส่วนผู้แพ้จะได้เข้าไปชิงอันดับสามต่อไป
ตั้งแต่ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายปี 2026 เป็นต้นไป ฟีฟ่าจะเพิ่มทีมเข้าแข่งรอบสุดท้ายรวมกับทีมเจ้าภาพเป็น 48 ทีมโดยแบ่งเป็น 16 กลุ่มกลุ่มละ 3 ทีม และคัดเอาทีมที่ได้อันดับ 1 และอันดับ 2 ไปแข่งในรอบ 32 ทีมสุดท้ายต่อไป
ทีมชาติไทยของเรายังไม่เคยมีโอกาสได้เข้าไปแข่งในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายแม้แต่ครั้งเดียว ทีมชาติไทยเคยทำได้ดีที่สุดคือการเข้าไปถึงรอบคัดเลือกรอบสุดท้ายของโซนเอเชีย หากมีการเพิ่มทีมในรอบสุดท้ายเป็น 48 ทีม ทีมชาติไทยของเราอาจจะมีโอกาสเข้าไปแข่งในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายครั้งแรกก็ได้