คำว่า“ไม่เต็ม”พูดเบาๆก็เจ็บ
ออทิสติก ทุกคนมีเรื่องราวในอดีตที่ไม่อยากจะพูดถึงมันสักเท่าไหร่ และยังมั่นใจว่าทุกคนต้องประสบกับเรื่องราวในอดีตที่ไม่อยากจะเล่าเสียเท่าไหร่ ถ้าคำด่าเหล่านั้นเกิดจากความเกลียดชัง หรือเห็นบุคคลที่ไม่เข้ากับเราแล้วเหมือนตัวตลกคนหนึ่ง ซึ่งเหตุการณ์ที่ผู้เขียนจะเล่าให้ฟังตอนนี้ เป็นเหตุการณ์ในสมัยเรียนซึ่งช็อกมากพอสมควร เพราะเรื่องราวเหล่านั้นมันเกี่ยวข้องกับ… เด็กพิเศษ หรือที่เรียกกันว่า “ออทิสติก”
เนื่องด้วยโรงเรียนของผู้เขียนเป็นโรงเรียนมัธยม และยังเป็นโรงเรียนเรียนร่วม ที่โครงการผู้พิการสามารถเรียนร่วมกับเด็กปกติในชั้นเรียนได้โดยไม่แบ่งแยก ไม่ถูกเลือกปฏิบัติ
แม้ว่าโครงกายนี้จะเป็นโครงการที่ดี แต่บางทีโครงการนี้ก็คือดาบสองคมดีๆ เนื่องด้วยในโรงเรียนยังแก้ไม่หายเรื่องการกลั่นแกล้งในโรงเรียน การใช้คำพูดส่อเสียดกันและกัน ทะเลาะวิวาทกันในโรงเรียน นอกจากนี้โรงเรียนมักจะเป็นแบบวัวหายล้อมคอกอยู่บ่อยครั้ง
ซึ่งเป็นสิ่งที่การศึกษาไทยต้องปรับปรุง แม้ว่าการเพิ่มโครงการเรียนร่วมจะเป็นการขยายโอกาสก็ตาม ซึ่งจะขยายโอกาสได้ผลนั้น จะต้องขยายทั้งโอกาสและที่ยืนในสังคมด้วย
เพื่อไม่ให้มาสอนเรื่องความเข้มแข็งในภายหลัง…ให้เขาได้เข้มแข็งในสิ่งที่ควรจะดีกว่าไหม เขาอาจจะรับมือสิ่งนี้ได้ดีกว่าการรับมือในสิ่งที่บั่นทอนจิตใจทุกวัน
ผู้เขียนได้มาร่วมงานวันแม่ ซึ่งเป็นงานวันแม่จัดที่หน้าเสาธง ผู้เขียนมักจะนั่งหลับแทบทุกปีเนื่องจากไม่ค่อยอินอะไรกับงานโรงเรียนแบบนี้สักเท่าไหร่ เพราะมันเป็นการมัดมือชกเด็กมากกว่าที่จะมาจงรักภักดี สำนึกในพระคุณของแม่สามารถสร้างได้ด้วยใจของเราเอง
ไม่ต้องเริ่มจากการบังคับขู่เข็ญ หรือไม่เข้าจะมีผลต่อคะแนน จึงไม่แปลกใจเลยถ้าหากเด็กวัยรุ่นในตอนนั้นจะหาเรื่องโดดเรียนกันอยู่มากมาย เนื่องด้วยกฎระเบียบในโรงเรียนและการมัดมือชก
เริ่มเรื่องเลย….ตอนงานวันแม่ซึ่งจะมีการร้องเพลงวันแม่ แต่ปีนั้นจะเป็นปีที่แปลก เนื่องด้วยนักร้องที่มีชื่อเสียงประจำโรงเรียนนั้น เธอสูญเสียแม่ตั้งแต่อายุ 5 ขวบ ซึ่งฉันไม่เข้าใจเลยว่าเอาพี่เขามาร้องเพลงทำไม จะไม่สร้างตราบาปแห่งความเจ็บปวดในใจเพิ่มขึ้นไปอีกหรือ
ซึ่งถ้าใครมาร้องเพลงในช่วงนั้นแล้วตัวเองไม่มีแม่ด้วย มีอันต้องร้องไห้เกือบทุกราย เนื่องจากมันตอกย้ำปมไม่มีแม่เพิ่มขึ้น จนคนข้างๆ บ่นกันว่าโรงเรียนเอามาร้องในช่วงนี้ทำไม
ตกลงเอามาในงานโรงเรียนหรือมาขายดราม่าเพื่อสร้างกระแสกันแน่?
เธอชื่อพี่อร เธอเป็นคนร้องเพลงลูกทุ่งเพราะมาก ได้แชมป์ระดับประเทศหลายรางวัล แล้วพี่เขาเป็นคนอัธยาศัยดีมากๆ ด้วย เพื่อนๆ ชอบเขามากเพราะเขาเรียนเก่งมากเลยล่ะ
ฉันสงสารพี่เขามาก ไม่ได้สงสารที่อดีตที่ไม่มีแม่ของเขา แต่สงสารตรงที่คนที่ดำเนินการเรื่องงานวันแม่ในโรงเรียน ทำไมต้องเอาคนนี้มาทั้งที่รู้ว่าจะเจ็บปวดในใจ จะตอกย้ำปมด้อยของเขา และไม่เข้าใจว่าทำไมไม่เอานักร้องคนอื่นที่สภาพจิตใจสู้ไหวมาร้องเพลงวันแม่ นักร้องในโรงเรียนก็ไม่ใช่ไก่กา
หลังจากพี่อรร้องเพลง “เรียงความของแม่” ด้วยความที่ฟังไม่จบและจุกไปกับพี่เขาด้วย ทีนี้มางานต่อมาก็เป็นการเชิญแม่ตัวอย่าง ซึ่งพอครูได้อ่านชื่อของแม่ตัวอย่างประจำโรงเรียนปีนั้น ทำให้นึกออกว่าเป็นผู้ปกครองของน้อง ม.ต้นคนหนึ่งซึ่งเป็นออทิสติก และมาเป็นแม่ตัวอย่างเป็นปีที่ 2 แล้ว
แต่สิ่งที่ต้องช็อกกับวันแม่ในปีนั้นมากที่สุด นั่นก็คือ…ครูที่โรงเรียนถามว่าคุณแม่รู้สึกยังไงกับกิจกรรมของโรงเรียน แม่ตัวอย่างบอกว่า “ลูกของเขาโดนกลั่นแกล้งเพราะไม่เต็ม” ลูกชายต้องหลบหลังแม่เหมือนกลัวอะไรอยู่
แม่เขามาที่งานนี้ปีที่สอง แม่ขอร้องให้ครูช่วยดูแลลูกเขาเนื่องจากลูกเป็นเด็กออทิสติก แต่อยากให้เรียนร่วมในชั้นเรียนเหมือนกันกับเพื่อนๆ เนื่องด้วยค่าเทอมสู้ไม่ไหวถ้าให้เรียนเอกชน แต่การให้ลูกเรียนที่นี่กลายเป็นฝันร้ายของคนเป็นแม่และลูกชายของเขาโดยสิ้นเชิง
แทนที่จะส่งให้ลูกมาเรียนเพื่อมีวิชาติดตัวตามที่ตั้งใจ แต่ส่งไปเรียนเหมือนโรงเรียนไม่มีความปลอดภัยให้กับลูกเลย กลับบ้านทุกครั้ง ไม่ข้าวของโดนขโมย รองเท้าหาย เสื้อผ้ายับยู่ยี่ ร้องไห้ตาบวมกลับมาบ้านเพราะสู้ไม่ได้ ซ้ำร้ายกว่านั้นยังโดนทำร้ายร่างกายจากกลุ่มนักเรียนที่ชอบแกล้งจนหวาดกลัวกับการเข้าสังคม
เด็กพิเศษมีความไร้เดียงสาค่อนข้างมาก มีความบริสุทธิ์ มองโลกเป็นสีขาวจากการเลี้ยงดูของคนในครอบครัว แต่เหมือนไม่อาจรับมือกับโลกสีดำในรั้วโรงเรียนได้เลย เด็กคนนี้ได้รับการกลั่นแกล้งจนต้องหนีหัวซุกหัวซุน จากกลุ่มเด็กนักเรียนหัวโจกที่อันธพาล คอยแกล้งคนที่อ่อนแอกว่า
จนตอนนี้ต้องหนีครู หนีเพื่อนร่วมชั้นจนทุกคนวุ่นวาย ฝันร้ายจากสิ่งที่ลูกตัวเองโดนแกล้งมันคอยหลอกหลอนซ้ำเติม จนกลัวการเข้าหาเพื่อนๆ ไม่ปฏิสัมพันธ์กับใคร เพราะกลัวว่าเขาจะโดนกลั่นแกล้งเหมือนที่เขาเคยเจอ มีหรือคนเป็นแม่จะมองลูกตัวเองเฉยได้หรือ?
นี่คือสิ่งที่แม่ตัวอย่างในปีนั้นพูดออกมาทั้งน้ำตา แค่ลูกเกิดมาโดนตราหน้าว่า “ไม่เต็ม” ก็เจ็บปวดแล้ว ถ้าเลือกได้ก็อยากให้ลูกเป็นเด็กปกติ ร่าเริงสดใสสมวัยเหมือนเด็กทั่วไป แม่พูดไปตีอกตัวเองไปจนครูบอกว่าให้ใจเย็นๆ
“ถ้าอยากตบหัว อยากแกล้ง อยากด่าว่าไม่เต็ม ให้มาด่าที่แม่สิ แม่เจ็บตัวพอรับได้ แต่ลูกแม่ถ้าลูกเจ็บ ใจแม่ก็จะขาดอยู่แล้ว ถ้ามีสำนึกความเป็นคนเหลืออยู่ ให้ลูกแม่มีที่ยืนในสังคมสักคนจะได้ไหม”
จากเสียงเจี๊ยวจ๊าวของเด็กนักเรียนที่คุยแทรกกันในแต่ละชั้นเรียน กลายเป็นเงียบทันที เมื่อสิ่งที่แม่เด็กคนนี้พูดในงานวันแม่ แต่ผู้เขียนขอขอบคุณคุณแม่ที่เป็นต้นเรื่องทำให้ฉุกคิดได้ว่า ไม่ว่าจะเต็มหรือไม่เต็มเขาก็คือมนุษย์ ทุกคนควรมีสิทธิ์ที่จะได้รับความปลอดภัยในบ้าน โรงเรียน
และสภาพแวดล้อมที่ตนเองอยู่ตามทฤษฎีของมาสโลว์ และหวังว่าจะเป็นเรื่องที่ควรตระหนักอย่างมากในการศึกษาของไทย และโรงเรียนไหนก็ตาม
ทุกคนมีสิทธิ์ได้รับการศึกษา มีสิทธิ์ที่จะปลอดภัยในชีวิตของตนเองโดยปราศจากการคุกคามทั้งปวง แม้กระทั่งอยู่ที่โรงเรียน ซึ่งควรเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับเด็กๆ ไม่ว่าจะรวยหรือจน
ถ้าวันหนึ่งเราเป็นพ่อแม่คน และมีลูกที่ถูกกลั่นแกล้งมาตลอด วันนั้นคุณจะเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง